ขับขี่ปลอดภัย สำหรับรถบรรทุกสารเคมีอันตราย
ขับขี่ปลอดภัย สำหรับรถบรรทุกสารเคมีอันตราย
การขับขี่ปลอดภัยสำหรับรถบรรทุกสารเคมีอันตรายมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากความผิดพลาดอาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรงที่กระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมได้ ผู้ขับขี่และผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ดังนี้:
สำหรับผู้ขับขี่และคุณสมบัติ:
1. ใบอนุญาตขับขี่และหนังสือรับรอง: ผู้ขับขี่รถบรรทุกวัตถุอันตรายต้องมี ใบอนุญาตขับรถ ท.4 และ หนังสือรับรองการอบรม ที่เกี่ยวข้อง (ตามกฎหมายกำหนด) เพื่อให้มีความรู้และทักษะเฉพาะทาง
2. ความรู้เกี่ยวกับสารเคมี: ต้องเข้าใจถึงคุณสมบัติ, ความเป็นอันตราย, และข้อควรระวังของวัตถุอันตรายที่บรรทุก (เช่น ความไวไฟ, การกัดกร่อน, ความเป็นพิษ) รวมถึงทราบมาตรการบรรทุกขนถ่ายอย่างปลอดภัย (การจัดแยกวัตถุอันตราย, การกระจายน้ำหนัก)
3. การตรวจสอบก่อนการเดินทาง: ใช้ รายการตรวจสอบ (Checklist) ในการตรวจเช็ครถ/แท็งก์ก่อนการเดินทางให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
4. เอกสารประจำรถ: ต้องมี เอกสารกำกับการขนส่ง (ระบุข้อมูลสารเคมี, ปริมาณ, ชื่อผู้ส่ง/ผู้รับ ฯลฯ) และ คู่มือการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน (Emergency Response Guidebook - ERG) ไว้ประจำรถ เพื่อใช้ในการอ้างอิงและจัดการเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
สำหรับยานพาหนะและการบรรทุก:
สำหรับยานพาหนะและการบรรทุก:
5. สภาพยานพาหนะ: รถขนส่งต้องอยู่ในสภาพดีและได้รับการตรวจสอบตามระยะเวลาที่กำหนด
การแสดงความเป็นอันตราย:
* ต้องติด ป้ายแสดงความเป็นอันตราย (Placards) ที่ตรงกับประเภทวัตถุอันตรายที่บรรทุก
* ติดป้ายที่ด้านข้างทั้งสองข้างและด้านท้ายของรถ โดยป้ายต้องมีสีที่ตัดกันกับตัวรถ (หากสีกลมกลืนให้ใช้เส้นประหรือเส้นทึบสีดำรอบขอบป้าย)
* ข้อห้ามในการขนส่งร่วม: ห้ามขนส่งวัตถุอันตรายบางประเภท เช่น วัตถุระเบิดร่วมกับวัตถุอันตรายประเภทอื่น หรือห้ามขนส่งวัตถุอันตรายร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นอาหารมนุษย์หรืออาหารสัตว์ไปบนรถเดียวกัน
ข้อควรระวังในการขับขี่และการจัดการเหตุฉุกเฉิน:
ข้อควรระวังในการขับขี่และการจัดการเหตุฉุกเฉิน:
1. ปฏิบัติตามกฎจราจร: ขับรถด้วยความเร็วไม่เกินที่กฎหมายกำหนด, ห้ามจอดรถบนไหล่ทางหลวงพิเศษตามข้อกำหนด
2. หลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยง: พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับวัตถุอันตรายในแต่ละประเภ
การจัดการเหตุฉุกเฉินเบื้องต้น:
* เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ต้องตั้งสติและออกจากพื้นที่เกิดเหตุไปยังจุดที่ปลอดภัย
* ใช้เอกสารแนะนำหรือคู่มือการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินในการดำเนินการเบื้องต้น
* โทรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เช่น สายด่วน 191, 199 (ไฟไหม้), 1650 (สารเคมีรั่วไหล), 1669 (เจ็บป่วยฉุกเฉิน)
* ในรถขนส่งสารเคมีบางประเภท (เช่น หมายเลข 3, 4.1, 4.3, 8 และ 9) ต้องมีอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น พลั่ว, แผ่นพลาสติก/วัสดุที่เหมาะสม สำหรับใช้ในการจัดการเบื้องต้น
การปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อกำหนดเหล่านี้อย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่งสารเคมีอันตรายได้อย่างมาก(ข้อมูลข้างต้นเป็นแนวทางปฏิบัติเบื้องต้น ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่ควรศึกษาและปฏิบัติตาม กฎกระทรวง และ ประกาศกรมการขนส่งทางบก เกี่ยวกับความปลอดภัยในการขนส่งวัตถุอันตรายทางถนนที่บังคับใช้อย่างละเอียด)